โธมัส แฟร้งค์เผยเหตุผลที่เลือก มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน เป็นกัปตันทีม

Browse By

เรื่องราวหนึ่งที่สร้างความสนใจให้กับแฟนบอลไม่น้อย เมื่อ โธมัส แฟร้งค์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์ก ออกมาเปิดเผยว่า การแต่งตั้ง มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวดัตช์ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบจากทั้งในสนามและนอกสนาม การเลือกของเขาไม่ได้เกิดจากตำแหน่งหรือชื่อเสียง แต่เกิดจาก “จิตใจของผู้นำ” ที่แฟร้งค์มองเห็นในตัวดาวเตะวัย 23 ปีรายนี้ตั้งแต่วันแรกที่ร่วมงานกัน

โธมัส แฟร้งค์ กล่าวอย่างชัดเจนในงานแถลงข่าวหลังเกมล่าสุดว่า “ผมเป็นคนเลือกเขาเอง ไม่มีการโหวต ไม่มีการพูดคุยในห้องแต่งตัว มันเป็นการตัดสินใจจากความเชื่อมั่นของผมล้วน ๆ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้สะท้อนถึงสไตล์ของกุนซือเดนมาร์กที่ไม่กลัวจะทำในสิ่งที่แตกต่าง หากเขามั่นใจว่านั่นคือทางที่ถูกต้องสำหรับทีม

มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ย้ายจากโวล์ฟสบวร์กมาร่วมทีมสเปอร์สเมื่อปี 2023 และใช้เวลาไม่นานในการกลายเป็นกำลังหลักของแนวรับด้วยความเร็ว ความนิ่ง และความเป็นผู้นำที่เกินวัย เขาเป็นกองหลังที่มีสไตล์ทันสมัย กล้าเล่น กล้าครองบอล และมีทักษะการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงทำให้เขาโดดเด่นในสนาม แต่ยังสร้างความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีมทุกครั้งที่อยู่เคียงข้างเขา

“ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาคุมทีม ผมเฝ้ามองมิคกี้ในการซ้อม เขาไม่ได้พูดเยอะ แต่สิ่งที่เขาทำในสนามมันบ่งบอกทุกอย่าง เขารับผิดชอบต่อเกม เล่นด้วยความกล้า และคอยกระตุ้นเพื่อนอยู่เสมอ ไม่ต้องตะโกนเสียงดังแต่ทุกคนฟังเขา” แฟร้งค์กล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม “และนั่นคือสิ่งที่ผมมองว่าเป็นผู้นำตัวจริง”

การเลือกกัปตันทีมไม่ใช่เรื่องเล็กในโลกฟุตบอล โดยเฉพาะกับทีมใหญ่อย่างท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นมากประสบการณ์ ทั้งซน ฮึง มิน, เจมส์ แมดดิสัน หรือคริสเตียน โรเมโร่ ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติของผู้นำในตัวเอง แต่แฟร้งค์กลับเลือกฝากความไว้วางใจไว้กับกองหลังวัยหนุ่มชาวดัตช์คนนี้ ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น

คำตอบของเขานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง “เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ และไม่เคยหลบหนีจากความกดดัน” แฟร้งค์กล่าว “ในทีมนี้ เราต้องการคนที่เมื่อเกมยาก จะยังคงยืนหยัดและส่งพลังให้เพื่อนร่วมทีมได้ ผมเห็นสิ่งนั้นในมิคกี้ตั้งแต่เกมแรกที่เขาลงสนามในพรีเมียร์ลีก”

ฟาน เดอ เฟน เองก็ยอมรับว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับเกียรตินี้ในวัยเพียง 23 ปี “ผมประหลาดใจมากเมื่อโค้ชเรียกผมเข้าไปคุยหลังการซ้อมและบอกว่าผมจะได้เป็นกัปตันทีม ผมเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ปลอกแขน แต่มันคือความรับผิดชอบมหาศาล” เขากล่าวด้วยความถ่อมตัว

แต่สำหรับแฟร้งค์ นั่นคือสิ่งที่เขาชอบในตัวนักเตะคนนี้ — ความอ่อนน้อมที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งภายใน เขาเชื่อว่าการมีผู้นำที่เข้าใจเพื่อนร่วมทีมมากกว่าการใช้อำนาจคือกุญแจสำคัญในการสร้างทีมให้มั่นคงและยั่งยืน

ผู้เชี่ยวชาญจาก คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน วิเคราะห์ว่า การตัดสินใจของแฟร้งค์ในครั้งนี้สะท้อนถึงแนวคิด “ฟุตบอลเชิงจิตวิทยา” ที่เขายึดถือมาตลอดตั้งแต่คุมเบรนท์ฟอร์ด เขามักให้ความสำคัญกับบุคลิกและทัศนคติของนักเตะมากกว่าชื่อเสียงหรือสถิติ เพราะเชื่อว่าผู้นำที่แท้จริงจะส่งอิทธิพลเชิงบวกให้ทีมได้มากกว่าเพียงแค่คำพูดในห้องแต่งตัว

ในเกมล่าสุดของสเปอร์ส ฟาน เดอ เฟน แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของกัปตันทีมอย่างแท้จริง เขาคอยสั่งการแนวรับด้วยความนิ่ง ช่วยประคองรุ่นน้องในแนวหลัง และยังลงไปบล็อกลูกยิงสำคัญในช่วงท้ายเกมที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตู ความทุ่มเทของเขาทำให้แฟนบอลปรบมือชื่นชมตลอดทั้งเกม และหลังจบเกม เขาเดินเข้าไปขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทีละคนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเป็นภาพที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ

โธมัส แฟร้งค์ กล่าวเสริมว่า “มิคกี้อาจยังหนุ่ม แต่เขามีความคิดเหมือนผู้เล่นอาวุโส เขารู้ว่าการเป็นกัปตันไม่ใช่แค่การใส่ปลอกแขน มันคือการเป็นแบบอย่าง ทั้งในสนามและนอกสนาม เขามีวินัยสูง และเป็นคนที่ทีมสามารถไว้วางใจได้เสมอ”

ในช่วงซ้อม ฟาน เดอ เฟนมักเป็นคนแรกที่มาถึงสนาม และเป็นคนสุดท้ายที่ออกไป เขาชอบพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมรุ่นน้องเพื่อให้คำแนะนำ และมักเข้าหาเพื่อนใหม่เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในทีม “ผมไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ผมเชื่อว่าการแสดงออกด้วยการกระทำสำคัญกว่า” เขากล่าวอย่างเรียบง่าย

เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังได้รับตำแหน่งกัปตัน ฟาน เดอ เฟนตอบว่า “มันคือเกียรติสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอลของผม ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ทีมเดินหน้าไปข้างหน้า ผมอยากให้ทุกคนในทีมรู้ว่าไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร เราจะอยู่และสู้ไปด้วยกัน”

การพูดของเขาเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมให้ความเคารพโดยไม่ต้องบังคับ เขาไม่ใช่กัปตันที่ต้องตะโกนสั่ง แต่เป็นผู้นำที่ทำให้ทุกคนรู้ว่ามีใครบางคนคอยดูแลอยู่เสมอ

ในสายตาของแฟนบอลสเปอร์ส การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นยุคใหม่ของสโมสร จากทีมที่เคยมีภาพลักษณ์พึ่งพาดาวดัง กลายเป็นทีมที่สร้างขึ้นบนรากฐานของความสามัคคีและวินัย แฟร้งค์กำลังสร้างทีมด้วยแนวคิด “Collective Strength” หรือ “พลังจากความเป็นหนึ่งเดียว” ซึ่งกำลังแสดงผลให้เห็นในสนามอย่างชัดเจน

ผู้เชี่ยวชาญจาก ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “นี่คือหนึ่งในก้าวสำคัญของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ในยุคใหม่ การเลือกกัปตันจากบุคลิกมากกว่าชื่อเสียงเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวทางการบริหารแบบแฟร้งค์ เขาไม่ต้องการแค่ทีมที่มีนักเตะเก่ง แต่ต้องการทีมที่มีผู้นำหลายคนในสนาม ซึ่งมิคกี้คือตัวอย่างของสิ่งนั้น”

ไม่เพียงแต่ในสนามเท่านั้น ฟาน เดอ เฟนยังได้รับคำชมจากสตาฟฟ์โค้ชว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขามักเข้าร่วมกิจกรรมของสโมสรกับเยาวชนและแฟนบอลเสมอ โดยเชื่อว่ากัปตันทีมที่ดีต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง “ผมอยากให้เด็ก ๆ ที่สวมเสื้อสเปอร์สรู้ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าคุณทำงานหนักและเชื่อในตัวเอง” เขากล่าว

หลังจากข่าวการแต่งตั้งถูกเผยแพร่ แฟนบอลสเปอร์สในโซเชียลมีเดียต่างออกมาชื่นชมการตัดสินใจของแฟร้งค์ หลายคนบอกว่า “เขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้” เพราะแม้จะอายุน้อย แต่เขามีวุฒิภาวะเกินวัย และเป็นตัวอย่างของนักเตะที่เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง

โธมัส แฟร้งค์ ย้ำว่า การเลือกมิคกี้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เห็นคุณค่าในนักเตะคนอื่น แต่เป็นเพราะเขามั่นใจว่านี่คือคนที่จะช่วยสานต่อวัฒนธรรมของทีมได้ดีที่สุด “ผมต้องการสร้างทีมที่ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของ และผมเชื่อว่ามิคกี้จะช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ เขามีความเคารพต่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเตะตัวจริงหรือสำรอง เขาจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนกันหมด นั่นคือผู้นำที่ผมอยากเห็นในทีมนี้”

ตลอดเส้นทางการคุมทีมของแฟร้งค์ เขามักพูดถึงความสำคัญของ “การเป็นตัวอย่าง” มากกว่าคำพูดสวยหรู ซึ่งตอนนี้ฟาน เดอ เฟนได้กลายเป็นตัวแทนของแนวคิดนั้นอย่างแท้จริง เขาเป็นคนหนุ่มที่มีพลัง มีความมุ่งมั่น และเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ — คุณสมบัติที่หาได้ยากในวงการฟุตบอลยุคใหม่

สำหรับแฟนบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ การได้เห็นทีมมีผู้นำที่ไม่หวือหวาแต่มั่นคง ถือเป็นสิ่งที่ให้ความมั่นใจในระยะยาว และสำหรับฟาน เดอ เฟน นี่คือจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตการค้าแข้งของเขา ที่ไม่เพียงแต่ต้องเล่นเพื่อชัยชนะ แต่ต้องเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนรอบตัว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามคำถามสุดท้ายว่า “เขาคิดว่าเลือกถูกไหมที่มอบปลอกแขนให้กับนักเตะวัยเพียง 23 ปี?” แฟร้งค์ตอบด้วยรอยยิ้ม “ถูกที่สุดครับ เพราะบางครั้งผู้นำที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีอายุเยอะ แค่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้ว”