เมื่อพูดถึงชื่อของ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี แฟนบอลเชลซีจำนวนมากก็ยังคงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน เขาอาจไม่ได้อยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์อีกต่อไป แต่เรื่องราว ความทรงจำ และความสำเร็จที่เขาสร้างไว้ยังคงฝังแน่นในใจแฟนบอล “สิงห์บลูส์” เสมอ ล่าสุดกุนซือชาวโปรตุเกสได้ออกมาเปิดใจถึงความรู้สึกที่เขามีต่อแฟนบอลเชลซี ว่าทุกครั้งที่ได้เห็นพวกเขาส่งข้อความหรือแสดงความรักผ่านเสียงเชียร์ เขาจะรู้สึก “ซาบซึ้งอย่างลึกซึ้ง” และไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ได้ร่วมเดินทางกับสโมสรแห่งนี้เลยแม้แต่นาทีเดียว
มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการเข้าร่วมงานฟุตบอลระดับนานาชาติในลอนดอน โดยมีผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกของเขาที่ได้เห็นแฟนบอลเชลซียังคงชูป้าย “The Special One” ทุกครั้งที่เขากลับมาที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ว่าจะในฐานะคู่แข่งหรือเพียงแค่ผู้มาเยือน มูรินโญ่ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “มันเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืมเลยครับ ทุกครั้งที่ผมได้ยินพวกเขาร้องเพลงชื่อผม ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”
มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการเข้าร่วมงานฟุตบอลระดับนานาชาติในลอนดอน โดยมีผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกของเขาที่ได้เห็นแฟนบอลเชลซียังคงชูป้าย “The Special One” ทุกครั้งที่เขากลับมาที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ว่าจะในฐานะคู่แข่งหรือเพียงแค่ผู้มาเยือน มูรินโญ่ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “มันเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืมเลยครับ ทุกครั้งที่ผมได้ยินพวกเขาร้องเพลงชื่อผม ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”
คำพูดนี้ทำให้แฟนบอลที่ยังคงติดตามเขาอยู่ทั่วโลกต่างรู้สึกสะเทือนใจ เพราะในช่วงเวลาที่เขาคุมเชลซี ทั้งในยุคแรกและยุคที่สอง มูรินโญ่คือคนที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสโมสร จากทีมที่เคยถูกมองว่าเป็นรองของยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ในพรีเมียร์ลีก กลายเป็นทีมที่กล้าท้าชนกับทุกสโมสรใหญ่ในยุโรป เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีกคัพอีก 3 สมัย พร้อมสร้างเอกลักษณ์การเล่นที่เข้มข้น แข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
“สิ่งที่ผมจำได้เสมอคือพลังของแฟนบอลเชลซี พวกเขามีความรักในสโมสรอย่างแท้จริง และสิ่งที่พวกเขามอบให้ผมเกินกว่าที่ผมจะอธิบายได้ด้วยคำพูด มันคือความผูกพันที่เกิดจากการเดินทางร่วมกันในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของผม” มูรินโญ่กล่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์
แฟนบอลรุ่นใหม่อาจรู้จักมูรินโญ่ในฐานะกุนซือผู้มากประสบการณ์ที่เคยคุมทีมใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือโรมา แต่สำหรับแฟนบอลเชลซี เขาคือ “ตำนานผู้สร้างยุคใหม่” ของสโมสร การมาของเขาในปี 2004 เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ เมื่อเขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 50 ปีด้วยสถิติที่น่าทึ่ง เสียเพียง 15 ประตูตลอดฤดูกาล และเก็บได้ถึง 95 คะแนน ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกจนถึงทุกวันนี้

ในตอนนั้น มูรินโญ่ไม่เพียงสร้างทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่ง แต่ยังสร้างวัฒนธรรมแห่งความเชื่อมั่นในหมู่ผู้เล่น เขาเคยกล่าวกับนักเตะในห้องแต่งตัวว่า “เราไม่ใช่ผู้ตาม เราคือผู้นำ” และคำพูดนั้นกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เชลซีกลายเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขายังรู้สึกผูกพันกับเชลซีมากขนาดนี้” มูรินโญ่ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เพราะที่นั่นคือบ้านของผม ผมรู้สึกว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้นเสมอ แม้ว่าวันนี้ผมจะอยู่ในบทบาทอื่น สโมสรจะเปลี่ยนไป ผู้เล่นจะเปลี่ยนไป แต่หัวใจของแฟนบอลยังเหมือนเดิม พวกเขายังร้องเพลงชื่อผม และนั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผม”
คำพูดเรียบง่ายแต่หนักแน่นของเขาทำให้แฟนบอลจำนวนมากถึงกับน้ำตาซึม เพราะสำหรับพวกเขา มูรินโญ่ไม่ใช่แค่โค้ชที่พาทีมคว้าแชมป์ แต่เป็นคนที่เข้าใจจิตวิญญาณของเชลซีอย่างลึกซึ้ง เขาเคยกล่าวไว้ในอดีตว่า “เชลซีคือทีมที่มีความหิวชัยชนะมากที่สุดที่ผมเคยคุมมา และผมก็เป็นคนที่หิวแชมป์มากที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่เราสมบูรณ์แบบสำหรับกันและกัน”
ผู้เชี่ยวชาญจาก ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด วิเคราะห์ว่า ความผูกพันระหว่างมูรินโญ่กับเชลซีไม่ได้เกิดจากเพียงผลลัพธ์ในสนามเท่านั้น แต่เกิดจาก “ตัวตน” ที่เขาสร้างขึ้นให้กับสโมสร เขาทำให้เชลซีกลายเป็นทีมที่แฟนบอลรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจ ความกล้า และความเชื่อว่าพวกเขาสามารถชนะได้ทุกเกม นั่นคือสิ่งที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
ในยุคแรกของเขา มูรินโญ่ดึงดูดนักเตะระดับโลกมากมายเข้ามาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็นดีดิเยร์ ดร็อกบา, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่, ปีเตอร์ เช็ก หรืออาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งแต่ละคนต่างก็กล่าวว่า “โค้ชคนนี้เปลี่ยนชีวิตผม” การฝึกซ้อมที่เข้มข้น การพูดจาที่เต็มไปด้วยพลัง และการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างละเอียดคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากกุนซือคนอื่น
แลมพาร์ดเคยกล่าวไว้ว่า “มูรินโญ่ทำให้ผมเชื่อว่าผมคือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก แม้ว่าผมจะยังไม่ใช่ในตอนนั้น เขาทำให้คุณเชื่อในตัวเองก่อนใคร และเมื่อคุณเริ่มเชื่อ ทุกอย่างก็เป็นไปได้” คำพูดนี้อธิบายถึงวิธีการบริหารคนของมูรินโญ่ได้ดีที่สุด
หลังจากแยกทางกับเชลซีในปี 2007 มูรินโญ่ยังคงได้รับเสียงเชียร์ทุกครั้งที่กลับมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้จะมาในฐานะคู่แข่ง เขายังคงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลที่ถือป้าย “Welcome Home Jose” พร้อมเสียงร้องเพลงชื่อเขาดังก้องทั่วสนาม ซึ่งภาพเหล่านี้สะท้อนถึงความผูกพันที่ไม่เคยจางหายไป
ในยุคที่สองของเขากับเชลซีระหว่างปี 2013-2015 เขากลับมาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2014/15 ด้วยสไตล์การเล่นที่แน่นอนและมีวินัยสูง แม้ช่วงเวลานั้นจะเต็มไปด้วยแรงกดดันและความคาดหวังมหาศาล แต่เขายังคงยืนหยัดและแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่แท้จริง
เมื่อพูดถึงแฟนบอลเชลซีในยุคปัจจุบัน มูรินโญ่กล่าวว่า “พวกเขามีเลือดสีน้ำเงินอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสโมสร ไม่ว่าจะเปลี่ยนเจ้าของกี่ครั้ง เปลี่ยนผู้จัดการทีมกี่คน พวกเขายังยืนหยัดอยู่ตรงนั้นเสมอ และนั่นคือสิ่งที่ผมเคารพมากที่สุด”
ผู้เชี่ยวชาญจาก สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ให้ความเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมูรินโญ่กับเชลซีคล้ายกับความผูกพันระหว่างโค้ชกับครอบครัวมากกว่าความสัมพันธ์ทางอาชีพ เขาไม่เคยพูดถึงทีมนี้ด้วยน้ำเสียงของ “อดีต” แต่พูดถึงมันด้วยคำว่า “เรา” เสมอ ซึ่งแสดงถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่ยังไม่จางไปแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี
แม้ในปัจจุบัน มูรินโญ่จะเดินทางไปคุมทีมในต่างแดน เขายังคงได้รับจดหมาย ข้อความ และของที่ระลึกจากแฟนเชลซีทั่วโลก เขาเปิดเผยว่า “ทุกปีจะมีคนส่งเสื้อทีมพร้อมข้อความถึงผม ผมยังคงเก็บทุกชิ้นไว้ เพราะมันคือสิ่งเตือนใจว่าไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ผมก็ยังมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ลอนดอนตะวันตก”
หลายคนมักถามว่า เขาจะกลับมาคุมเชลซีอีกครั้งหรือไม่ มูรินโญ่ตอบอย่างมีความหมายว่า “ฟุตบอลคือเรื่องของจังหวะเวลา ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือหัวใจของผมมีสีน้ำเงินเสมอ” คำตอบสั้น ๆ แต่ทำให้แฟนบอลจำนวนมากหวังลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาสานต่อเรื่องราวที่ยังไม่จบ
สิ่งที่ทำให้มูรินโญ่แตกต่างจากกุนซือทั่วไปคือความจริงใจ เขาพูดตรงและแสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะในยามชนะหรือแพ้ เขามักปกป้องลูกทีมก่อนเสมอ และนั่นคือเหตุผลที่นักเตะหลายคนยังคงเคารพและรักเขาจนถึงทุกวันนี้ แม้บางคนจะเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว พวกเขายังพูดถึง “เจ้านาย” ของตนด้วยรอยยิ้ม
ในโลกของฟุตบอลที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ความสัมพันธ์แบบนี้หาได้ยาก และมูรินโญ่คือหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังคงรักษาความผูกพันกับอดีตทีมของตัวเองไว้ได้อย่างมั่นคง
ค่ำคืนที่เขาเคยพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือวันที่เขายืนกอดถ้วยแชมป์ต่อหน้าแฟนบอล ยังเป็นภาพจำที่ไม่เคยเลือนหายจากหัวใจของแฟนบอลเชลซีทั่วโลก และเมื่อเขาออกมาพูดอย่างเปิดใจว่า “ผมซาบซึ้งกับทุกอย่างที่พวกเขามอบให้” มันจึงไม่ใช่แค่คำพูดของอดีตกุนซือ แต่คือคำสารภาพจากหัวใจของชายคนหนึ่งที่ยังคงรักทีมเก่าของเขาอย่างหมดใจ