กวาร์ดิโอล่า มี แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นหนึ่งในลูกรักเบอร์ต้น

Browse By

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถครองใจ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ได้อย่างแท้จริง และหนึ่งในนั้นก็คือ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งกลายเป็นเหมือน “ลูกชายในทางฟุตบอล” ของกุนซือชาวสเปนคนนี้ ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ได้สร้างสายสัมพันธ์ทางอาชีพที่แน่นแฟ้น และเต็มไปด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จนแฟนบอลทั่วโลกต่างมองว่าแบร์นาร์โด้คือ “นักเตะที่เป๊ปรักที่สุด”

กวาร์ดิโอล่าเคยพูดถึงลูกทีมคนนี้ในหลายครั้งด้วยถ้อยคำที่สะท้อนถึงความชื่นชมและเคารพอย่างแท้จริง “แบร์นาร์โด้คือผู้เล่นที่ผมไม่อยากเสียไปจากทีม เขาเป็นคนที่ทำให้ฟุตบอลของเราดีขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเล่นในตำแหน่งไหน เขามีสมองที่เข้าใจเกมมากกว่าคำว่าอัจฉริยะ” คำพูดนั้นกลายเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความผูกพันระหว่างกุนซือและลูกทีมที่ไม่ใช่แค่เรื่องแท็กติกในสนาม แต่ลึกไปถึงระดับของความเข้าใจในปรัชญาฟุตบอลที่ตรงกัน

นับตั้งแต่กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมแมนฯ ซิตี้ เขาเปลี่ยนทีมนี้ให้กลายเป็นเครื่องจักรฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบ ทีมที่ไม่เพียงเล่นเพื่อชัยชนะ แต่ยังเล่นเพื่อ “ศิลปะของเกม” และในเครื่องจักรที่ซับซ้อนนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวาคือเฟืองสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะถูกจับไปเล่นเป็นปีก, มิดฟิลด์ตัวกลาง, เพลย์เมกเกอร์ หรือแม้กระทั่งฟูลแบ็กในบางจังหวะ เขาก็ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทุกครั้ง

กวาร์ดิโอล่าชื่นชอบนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง มีความฉลาดในการตัดสินใจ และเข้าใจแนวคิด “positional play” หรือการเคลื่อนที่อย่างมีระบบตามตำแหน่งในสนาม แบร์นาร์โด้คือคนที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาไม่เพียงเข้าใจว่าตัวเองต้องอยู่ตรงไหน แต่ยังรู้ว่าควรให้เพื่อนอยู่ตรงไหนด้วย การเล่นของเขาเหมือนการวางหมากในกระดานหมากรุกที่แม่นยำ ซึ่งตรงกับสิ่งที่กวาร์ดิโอล่าต้องการมากที่สุด

แฟนบอลแมนฯ ซิตี้หลายคนมักพูดว่า “ถ้ากวาร์ดิโอล่ามีลูกชายในวงการฟุตบอล คนนั้นต้องชื่อแบร์นาร์โด้ ซิลวา” เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ฤดูกาล เขายังคงได้รับความไว้วางใจจากนายใหญ่แห่งเอติฮัดเสมอ แม้จะมีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมหลายครั้ง ทั้งกับบาร์เซโลน่าและปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ทุกครั้งกวาร์ดิโอล่ามักจะออกมาปกป้องและยืนยันว่า “ผมจะไม่ยอมให้เขาไปไหนจนกว่าจะถึงวันที่เขาอยากไปจริง ๆ”

ในฤดูกาลที่แมนฯ ซิตี้คว้า “ทริปเปิลแชมป์” ประวัติศาสตร์เมื่อปี 2023 บทบาทของแบร์นาร์โด้ถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเกมรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับเรอัล มาดริด เขาทำได้สองประตูในเกมที่ทีมเอาชนะไป 4-0 ซึ่งเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของเขาในสีเสื้อซิตี้ กวาร์ดิโอล่ากล่าวหลังเกมนั้นว่า “ผมไม่รู้จะพูดยังไง เขาไม่ใช่แค่ผู้เล่น แต่คือศิลปินในสนาม เขามีทุกอย่างที่ผมต้องการในทีม”

คำชมดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่คำพูดสวยหรู แต่สะท้อนถึงความจริงที่ว่าแบร์นาร์โด้เป็นนักเตะที่ทำให้กวาร์ดิโอล่ารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ในสนาม ไม่ว่าจะเป็นเกมใหญ่แค่ไหน เขามักจะถูกเลือกลงเป็นตัวจริงเสมอ เพราะความนิ่ง ความชาญฉลาด และความทุ่มเทที่เกินร้อย เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่เคยปฏิเสธหน้าที่ใด ๆ ที่โค้ชมอบหมาย

นักวิเคราะห์จาก ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด เคยเขียนไว้ว่า “ถ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือภาพวาดของฟุตบอลยุคใหม่ แบร์นาร์โด้ ซิลวาคือพู่กันในมือของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ซึ่งเป็นคำเปรียบเปรยที่งดงามและแม่นยำที่สุด เพราะทุกครั้งที่ทีมต้องการความสมดุล เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ระบบกลับมาลงตัวอีกครั้ง

สิ่งที่ทำให้กวาร์ดิโอล่าหลงรักแบร์นาร์โด้มากเป็นพิเศษ ไม่ได้อยู่ที่ฝีเท้าเพียงอย่างเดียว แต่คือ “หัวใจ” และ “ทัศนคติ” เขาเป็นนักเตะที่ซ้อมหนักเสมอ ไม่เคยบ่นแม้ต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด และมักเป็นคนแรกที่วิ่งลงมาช่วยเกมรับอยู่เสมอ กวาร์ดิโอล่ากล่าวไว้ในหนึ่งในบทสัมภาษณ์ว่า “เขาคือคนที่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย เขาอาจไม่ได้ยิงมากที่สุด แต่เขาสร้างผลกระทบในทุกจังหวะของเกม”

ภายในห้องแต่งตัวของแมนฯ ซิตี้ แบร์นาร์โด้ยังเป็นหนึ่งในคนที่เพื่อนร่วมทีมเคารพอย่างสูง เขาอาจไม่ใช่คนที่พูดเสียงดัง แต่คำพูดของเขามีน้ำหนักเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทีมต้องการความสงบ เขาจะเป็นคนที่เข้าไปพูดคุยกับรุ่นน้องหรือช่วยปรับบรรยากาศให้กลับมาเป็นบวก

เควิน เดอ บรอยน์ เคยพูดถึงเขาว่า “ถ้ามีใครสักคนในทีมที่ผมอยากให้ลูกผมดูเป็นแบบอย่างในเรื่องการทำงาน นั่นคือแบร์นาร์โด้ เขาเป็นมืออาชีพที่แท้จริง” ขณะที่รูเบน ดิอาส เพื่อนร่วมชาติชาวโปรตุเกสก็เสริมว่า “เขาอาจดูเงียบ ๆ แต่ในสนามเขาคือผู้นำอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ กวาร์ดิโอล่ายังเคยบอกกับทีมงานของเขาว่า หากวันหนึ่งเขาต้องเลือกนักเตะคนเดียวให้เล่นในทุกตำแหน่งในสนาม เขาจะเลือกแบร์นาร์โด้ เพราะ “เขาเข้าใจเกมฟุตบอลในแบบที่ผมเข้าใจ” ซึ่งถือเป็นคำชมสูงสุดที่ผู้จัดการทีมระดับโลกจะมอบให้ลูกทีมได้

สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลซิตี้ชื่นชมคือความซื่อสัตย์ของแบร์นาร์โด้ต่อสโมสร แม้จะมีความฝันอยากกลับไปเล่นในโปรตุเกสหรือสเปน แต่ทุกครั้งที่อยู่กับซิตี้ เขาจะทุ่มเทเต็มร้อย ไม่มีวี่แววของความเฉื่อยชาเลยแม้แต่น้อย เขากล่าวไว้หลังจากคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ว่า “ผมรักสโมสรนี้ รักเพื่อนร่วมทีม รักแฟนบอล และผมภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของแมนฯ ซิตี้”

นักวิเคราะห์จาก สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม อธิบายเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกวาร์ดิโอล่ากับแบร์นาร์โด้สะท้อนถึง “ความเข้าใจระหว่างศิลปินกับผลงาน” เป๊ปคือคนที่สร้างระบบ ส่วนแบร์นาร์โด้คือคนที่ทำให้ระบบนั้นมีชีวิต การที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันทำให้ทีมมีความสมดุลระหว่างเทคนิคและจิตวิญญาณ

กวาร์ดิโอล่าเองก็ไม่เคยปิดบังความรู้สึกของเขาต่อแบร์นาร์โด้เลยแม้แต่น้อย เขาเคยพูดต่อหน้าสื่อว่า “ผมอยากให้เขาอยู่กับผมไปจนวันสุดท้ายที่ผมคุมทีมฟุตบอล” และทุกครั้งที่มีข่าวการย้ายทีมของแบร์นาร์โด้ เขามักจะตอบนักข่าวว่า “ถ้าเขาจะไป ผมอยากให้เขามีความสุข แต่ถ้าเขาอยู่ เขาจะอยู่ในใจผมตลอดไป”

สำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ การได้เห็นกวาร์ดิโอล่ากับแบร์นาร์โด้อยู่ในสนามเดียวกันคือสิ่งที่พิเศษ เพราะมันคือภาพสะท้อนของฟุตบอลที่งดงามที่สุด — ฟุตบอลที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเงินหรือชื่อเสียง แต่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าใจและศรัทธาในเกมอย่างแท้จริง

ฤดูกาลนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีม เขาเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีวันหยุด วิ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ควบคุมจังหวะเกมด้วยเท้าซ้ายอันนุ่มนวล และยังคงเป็นตัวเชื่อมระหว่างแดนกลางกับแนวรุกได้อย่างยอดเยี่ยม หลายครั้งที่เกมดูเหมือนจะตัน เขาคือคนที่หาทางออกให้ทีมได้เสมอ

สิ่งที่น่าชื่นชมคือแม้จะเล่นในทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ แต่แบร์นาร์โด้กลับไม่เคยพยายามเด่นกว่าคนอื่น เขาทำในสิ่งที่ทีมต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากทำ และนี่คือเหตุผลที่กวาร์ดิโอล่ารักเขามากกว่านักเตะคนใด เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ต้องการคำชม แต่เป็นคนที่ต้องการชัยชนะให้ทีมเสมอ

ทุกครั้งที่แมนฯ ซิตี้เจอเกมใหญ่ กวาร์ดิโอล่ามักจะพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “แบร์นาร์โด้จะเล่น” เพราะสำหรับเขา ชื่อของนักเตะคนนี้เท่ากับความมั่นคงในสนาม และในเกมที่กดดันที่สุด แบร์นาร์โด้ก็มักจะเล่นได้อย่างไม่มีที่ติเสมอ ไม่ว่าจะในเกมดาร์บี้กับแมนฯ ยูไนเต็ด หรือเกมชี้ชะตาในยุโรป